การใช้ยาในเด็กพิเศษ
- ulaiwan kittilertkun
- Jun 12
- 1 min read
Updated: Jun 14

🎯 หัวข้อ:
"ความเข้าใจในการใช้ยาในเด็กพิเศษ: ทานยาไม่ใช่แค่ดีขึ้น แต่ต้องดีอย่างยั่งยืน"
---
- หลายครอบครัวดีใจเมื่อเห็นลูกเริ่มมีสมาธิ ฟังรู้เรื่องขึ้นหลังจากทานยาไปสักระยะ… แต่เมื่อดีขึ้น ก็อาจหยุดยาเอง หรือปล่อยให้กลับไปดูจอมือถืออีกครั้ง โดยไม่ได้ปรึกษาคุณหมอ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ "เด็กกลับไปมีอาการเดิม" และหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะ...
---
💊 1. ยาไม่ใช่เวทมนตร์ แต่คือ “เครื่องมือ”
ยาในเด็กพิเศษช่วย ปรับสมดุลเคมีในสมอง ทำให้เด็ก “เปิดรับ” การเรียนรู้ และ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
ไม่ควรหยุดยาเองเด็ดขาด แม้เด็กจะดูดีขึ้น เพราะสมองยังไม่ได้พัฒนาเต็มที่
- การหยุดยาเร็วเกินไป = เสี่ยงกลับมาเป็นใหม่ แถมอาจ “ดื้อยา” ในอนาคต
---
📉 2. หยุดยาเมื่อใด ต้องมีแผนที่ชัดเจน
การหยุดยาต้องเป็นไปตามแผนของแพทย์ เช่น ครบ 1 เดือน หรือ 3 เดือน
ระหว่างทานยาต้องใช้ช่วง “เด็กสงบ” นี้ ในการ ฝึกทักษะสมาธิ อารมณ์ และการฟัง
เป้าหมายคือ พัฒนาการแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่สงบชั่วคราว
---
⚠️ 3. อย่ากลับไปจอเด็ดขาด แม้เด็กดูดีขึ้น
เมื่อสมองเริ่มโฟกัสได้มากขึ้นหลังทานยา เด็กจะอยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น
แต่ถ้ากลับไปให้ดูจออีก…สมองจะ กลับไปสู่โลกส่วนตัว เกิด “เอียร์เวิร์ม” (Earworm) อีกครั้ง
* อาการจะกลับมาหนักกว่าเดิม!
---
✅ 4. วิธีดูแลลูกระหว่างทานยา
จัดกิจกรรมเสริม เช่น เดินเล่น, พูดคุย, เล่นกับของเล่นที่ไม่ใช้จอ
สังเกตพฤติกรรมรายวัน เช่น การสบตา ฟังคำสั่ง สมาธิ
แจ้งคุณหมอทุกครั้งเมื่อมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ง่วงเกินไป หงุดหงิด หรือซึม
---
🎯ส่งท้าย:
* ยาเป็นเพียง “สะพาน” พาเด็กข้ามสู่โลกแห่งการเรียนรู้
"ถ้าเราหยุดกลางทาง หรือไม่ใช้ช่วงเวลานี้ให้เต็มที่ เด็กอาจไม่สามารถก้าวข้ามไปถึงฝั่งพัฒนาการที่แท้จริงได้"
.......
ชมคลิปเต็ม
.....
ติดต่อทักแชทบ้านครูภู่ หรือ
โทร 0935552649 หรือ
แอดไลน์ @baankhuphu
.
ประสบการณ์ในการดูแลและส่งเสริมพัฒนาการเด็กพิเศษมากกว่า 13 ปี
.
#บ้านครูภู่
#เริ่มพูดคือเริ่มเปลี่ยน
#เมล็ดแห่งการสื่อสาร
コメント